3บทเรียนล้ำค่า นำพาธุรกิจครอบครัว ฝ่าวิกฤต

วันนี้เน้งอยากจะขอมาแชร์ประสบการณ์ส่วนตัวเรื่อง “3บทเรียนล้ำค่า นำพาธุรกิจครอบครัว ฝ่าวิกฤต” ก่อนอื่นขอออกตัวก่อน ว่าเน้งไม่ใช่่กูรูทางด้านธุรกิจใดๆเลย ไม่ได้มีความเก่งกาจอะไรเลย แต่ว่ามันเป็นประสบการณ์ที่เน้งเรียกได้ว่า เราหวังว่า ตอนนั้นเราน่าจะรู้นะ ตอนนั้นน่าจะมีคนบอกเรานะ แต่ว่าเราได้เรียนมัน The Hard Way ในช่วงเวลา 12 ปีที่ได้มาทำงาน ในธุรกิจของครอบครัว ขอแนะนำตัวก่อนนะคะ เน้งค่ะ ฐิดาหวังดำรงเวศ เน้งเป็น CEO ของ BENZ MOTOR MALL ดูแลทั้งในเรื่อง การขาย การตลาด รวมถึงหลังบ้าน การซื้อรถ ปรับปรุงสภาพ บัญชี การเงิน ฝ่ายบริการ อู่ซ่อมรถ คาร์แคร์ ดูภาพรวมทั้งหมดเลย หลายท่านอาจจะรู้จักเน้ง ในฐานะที่มาไลฟ์ แต่จริงๆหลังบ้านก็มีภารกิจมากมาย ประกอบกับการร่วมมือของทุกฝ่ายนะคะ กว่าจะมาเป็นรถ 1 คันที่ท่านเห็น แต่วันนี้พูดตรงๆเลยนะคะ ว่าเน้งจะขอมาแชร์ในแง่มุมที่เกี่ยวกับ การสืบทอดธุรกิจครอบครัวโดยเฉพาะ โดยที่หลายๆท่านอาจจะเป็น Self-Made เริ่มธุรกิจมาด้วยกันเอง หลายๆท่านอาจจะทำงานบริษัทหรือรับราชการ แล้วคิดว่าเราจะกลับมาทำธุรกิจที่บ้านดีมั้ย ก็วันนี้สิ่งที่เน้งจะมาแชร์ให้ทุกท่านฟังเนี่ย จะมีประโยชน์บ้าง ไม่มากก็น้อยนั่นเอง

ข้อ 1 ที่เน้งคิดว่าสำคัญที่สุด ที่ท่านจะต้อง Keep in Mind หรือว่าแบบตราตรึงไว้ในใจ คือ “อย่ายึดติดกับอดีต” ในที่นี้หมายความว่า ทั้งความสำเร็จในอดีตของธุรกิจครอบครัว ทั้งความสำเร็จในอดีตของตัวท่านเอง ในการกระทำอย่างอื่นมาในชีวิต หรือว่าจะเป็นความล้มเหลวต่างๆ ขอยกตัวอย่างในเคสของเรานะคะ
เน้งเรียกได้ว่า เป็นทายาทธุรกิจในรุ่นที่ 3 ตั้งแต่รุ่นย่า มารุ่นพ่อ และมาปัจจุบัน เรียกได้ว่าผ่านมาแล้ว 3 generation มี legacy เรื่องราวมากมายของแบรนด์ รวมถึง Culture ต่างๆในแบรนด์ ที่มันมากมาย และส่งต่อกันมายาวนานถึง 50 ปี ก่อนที่เราจะเกิดอีกนานมากเลย ทีนี้ทำไมเน้งถึงบอกว่าอย่ายึดติดนะคะ ขอพูดในแง่มุมแรกก่อนแล้วกัน อย่ายึดติดกับความสำเร็จในอดีต คือบางครั้งมันจะมีเรื่องราวมากมาย ว่าสมัยก่อนบางทียอดขายเป็นแบบนี้ เรามีลูกค้าแบบนี้ เราทำการตลาดแบบนี้แล้วดี แต่ทุกวันนี้บอกเลยว่า แทบไม่มีธุรกิจอะไรเลยที่ไม่เจอ การหยุชะงัก บางท่านก็หนักถึงขนาดต้องเลิกกิจการ เช่น ร้านเช่าวีดิโอเนี่ยทำไมได้แล้ว หรือร้านอัดรูปก็นับร้านได้เลยในกรุงเทพ ถ้าเรามัวแตไปยึดติดว่า เมื่อก่อนทำได้ ทำไมเราทำไม่ได้ อย่าไปยึดติด ยึดติดไป กดดันตัวเองไม่พอ จะมีแต่ความตัน มืดแปดด้านไปหมด ขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆคนในที่นี้เลย เราลองมองแล้ววิเคราะห์ธุรกิจครอบครัวในแง่มุมใหม่ ใช้มุมมองที่เป็นปัจจุบันที่สุด เราตัวเองทำให้ดีที่สุด โดยการหาความรู้ และปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันนี้ อย่างที่มีคำกล่าวที่ว่า “สิ่งมีชีวิตที่อยู่รอด คือสิ่งมีชีวิตที่ปรับตัวได้ดีที่สุด” เราหวังว่าจะเป็นแมลงสาบ ไม่ใช่่ไดโนเสาร์ เราจะไม่สูญพันธ์ไป แต่เราจะปรับตัว แล้วก็อยู่รอดไปเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นวันนี้เราจะปรับตัว หาจุดแข็งของธุรกิจ ฐานลูกค้าเก่าๆ หรือจุแข็งบางอยู่ที่อาจจะยังมองไม่ออกในตอนนี้ แล้วจับจุดแข็งจุดนั้นมาพลิกฟื้นธุรกิจของเราได้ นอกจากนั้น ฝากไว้เล็กๆ หลายๆท่านเป็นใหญ่เป็นโตในสายงานอื่นๆมาก่อน แต่พอท่านกลับมาจับธุรกิจครอบครัวเนี่ย ท่านจะกลายเป็น Nobody ทันที และท่านก็จะกลายเป็น Head ของ SME นึง ซึ่งหลายอย่างมันช๊อคมาก เพราะฉะนั้น อยากให้ท่านลองปล่อยวาง อย่ายึดติดกันตัวเองในอดีต แล้วมองสภาวะทุกอย่าง อย่างที่เป็นจริงมากที่สุด และปรับเปลี่ยน และสู้ต่อไป.

ข้อ 2 ที่ได้เรียนรู้ในเวลา 12 ปี ที่ผ่านมา คือ “ทีมงานสำคัญที่สุด” ซึ่งในการสืบทอดธุรกิจครอบครัวเนี่ย ทีมงานเป็นสิ่งที่ท้าทายมาก เพราะบอกได้เลยว่า หลายๆธุรกิจครอบครัว จะมีทีมงานที่อยู่กับบริษัทมานานมากๆ บางท่านอยู่มาก่อนที่คุณจะเกิด บางท่านอาจจะมาก่อนที่พ่อแม่คุณจะเกิด แล้วบุคคลเหล่านั้นเปรียบได้เหมือน Assets ของบริษัท หลายคนมีความรู้ทางด้านงานนั้นดีมาก ในขณะที่เราเป็นคนรุ่นใหม่ที่อาจจะไม่รุ้งานดีเท่าเค้าเลย แล้วเราจะเป็นผู้นำคนเหล่านั้นที่อยู่หน้างานได้อย่างไร ให้คิดว่าถ้าท่านไม่มีทีมงานก็เหมือนมีสมองแต่ไม่มีแขนไม่มีขา ไม่ว่าเราจะอยากพัฒนาอะไร หรือเปลี่ยนแปลงอะไร ไม่มีอะไรที่สามารถเป็นไปได้ วิธีที่จะสร้างทีมงานมี 2 วิธี 1.คือสร้างใหม่เป็นของตัวเอง 2.Respect is Earned คือคุณจะต้องทำให้คนเหล่านั้น ยอมรับนับถือในตัวคุณที่เป็นผู้นำ ซึ่งวิธีนี้ก็อยู่ที่บุคคลจริงๆ ว่าคุณจะทำอย่างไร เพื่อให้เขาเชื่อมั่นว่า จะฝากชีวิตไว้กับคุณได้ วิธีเบสิคคือ ต้องลบคำสบประมาทให้ได้ เพราะการเป็นลูกเจ้าของคือ ทำดีเสมอตัว ทำชั่วก็จะถูกซ้ำเติม เพราะฉะนั้นคุณต้องพิสูจน์ตัวเองให้ได้ Respect ไม่สามารถได้มาจากการที่คุณสืบทอดกิจการ แต่คุณจะต้องสร้างพื้นที่ยืนของตัวคุณเอง ด้วยตัวของคุณเอง.

ข้อ 3 คือบางครั้งท่านอาจจะพบกับความท้าทายของการคงความเป็นแบรนด์เอาไว้กับความร่วมสมัยหรือจุดแข็งใหม่ๆที่คุณอยากเติมเข้าไป จุดนี้เน้งอยากจะให้ทุกคน หาจุดที่พอดี เน้งเชื่อว่าหากท่านได้รับสือบทอดกิจการมา แสดงว่าธุรกิจนั้นต้องมีดีแหละ เพราะฉะนั้น อยากให้ท่านลองวิเคราะห์โจทย์ คุยกับคนเยอะๆ คุยกับลูกค้าเยอะๆ และหาสิ่งมีค่าในแบรนด์ของคุณและรักษามันไว้ให้ดี และเอาจุดแข็งของเราเข้ามาเสริมให้มีความเป็นสากลมากขึ้น หาช่องทางติดต่อกับลูกค้าที่เป็นสากลมากยิ่งขึ้น โดยที่ยังคงความเป็นตัวตนของแบรนด์เอาไว้

จากที่กล่าวมาก็อยากจะเป็นกำลังใจให้ทุกๆท่าน ขบคิดปัญหาธุรกิจของพ่อแม่ท่านที่ได้รับสืบทอดมา อยากจะฝากคำพูดนึงจากหนังเรื่อง Spider-Man ก็คือ “Great Power Comes with Responsibility” ท่านได้รับอำนาจต่อมาจากพ่อแม่ ไม่ใช่ทุกคนที่เกิดมาแล้วจะได้ อำนาจในการบริหารคนส่วนใหญ่
อาจจะต้องเริ่มต้นจากศูนย์ และเราได้รับตรงนั้นมาแล้ว เพราะฉะนั้น เราจึงมีความรับผิดชอบที่มากขึ้นที่จะพัฒนาองกรณ์นี้ได้ดีขึ้นต่อๆไป และสืบทอดมันได้ให้มันอยู่ไปอีกนานและสร้างคุณค่าให้กับลูกค้า และผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียทุกๆท่าน หวังว่าทุกท่านที่ได้อ่าน จะสามารถสร้างเรื่องราวของตัวท่านเองที่ยิ่งใหญ่และน่าจดจำมากกว่า ที่พ่อแม่ท่านเคยทำมา